แบบทดสอบ สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่นะครับ
เรื่องวงดนตรีไทย http://www.tempf.com/getfile.php?id=854469&key=4d529a29553c4
เรื่องเครื่องดนตรีไทย http://www.tempf.com/getfile.php?id=854472&key=4d529aef12c85
เรื่องคีตกวีไทย http://www.tempf.com/getfile.php?id=854477&key=4d529b7e7fbc1
ooOดนตรีไทยOoo
วงมโหรี
หมายถึง วงดนตรีชนิดหนึ่งมีกำเนิดในสมัยรัตนโกสินทร์ ใช้บรรเลงในโอกาศพิเศษ แต่เดิมใช้ผู้หญิงบรรเลงมีในพระบรมมหาราชวังเท่านั้น เครื่องดนตรีสำหรับวงมโหรีก็ประดิษฐ์ขึ้นเป็นพิเศษ มีขนาดเล็กกว่าเดิม ระนาดก็เล็กกว่าเดิม ฆ้องก็เล็กกว่าเดิม ให้เหมาะกับผู้หญิงตีและเสียงก็จะเล็กกว่าเดิม
วงมโหรีวงเล็ก
นิยมใช้บรรเลงในงานที่ค่อนข้างเล็กในอาคารสถานที่ไม่กว้างขวางนัก มีเครื่องดนตรีประกอบ ดังนี้
- ซอสามสาย - ซอด้วง
- ซออู้ - จะเข้
- ระนาดเอกมโหรี - ฆ้องวงใหญ่มโหรี
- โทนมโหรี - รำมะนามโหรี
- ขลุ่ยเพียงออ - ฉิ่ง
(ฉาบเล็ก – กรับ – และโหม่ง จะมีหรือไม่มีก็ได้)
วงมโหรีเครื่องใหญ่
วงมโหรีเครื่องใหญ่หรือวงมโหรีวงใหญ่นั้นก็มีเครื่องดนตรีมากขึ้นกว่าเดิมและจะใช้กับสถานที่ที่ค่อนข้างใหญ่ นิยมบรรเลงในสถานศึกษาโดยนักเรียน นิสิตนักศึกษา เพราะมีการเรียนการสอนได้ฝึกหัดกันมากเพื่ออวดฝีมือจึงจัดการแสดงมโหรีวงใหญ่ได้บรรเลงกันโดยทั่วไป มีเครื่องดนตรีดังนี้
- ซอสามสายธรรมดา - ซอสามสายขลิบ
- ซอด้วง - ซออู้
- จะเข้ - ระนาดเอกมโหรี
- ระนาดทุ้มมโหรี - ฆ้องวงใหญ่มโหรี
- ฆ้องวงเล็กมโหรี - โทนมโหรี
- รำมะนามโหรี - ขลุ่ยเพียงออ
- ขลุ่ยขลิบ - ฉิ่ง
- ฉาบเล็ก - กรับ
- โหม่ง - ฆ้องราว
วงเครื่องสาย
วงเครื่องสาย อาจมีวิวัฒนาการมาจากการบรรเลงพิณ ที่ระบุไว้เป็นหลักของเครื่องดีดสีในศิลาจารึกสมัยสุโขทัย แล้วมาเล่นร่วมกับขับไม้ และมาผสมวงเป็นคล้ายๆ กับวงเครื่องสายวงเครื่องสายที่ถือเป็นแบบแผน ตามวิชาการดนตรีของไทยนั้น กำหนดวงเป็น 2 ขนาด ประกอบด้วยเครื่องดนตรีดังนี้
- ซอด้วง
- ซออู้
- จะเข้
- ขลุ่ยเพียงออ
- โทน
- รำมะนา
- ฉิ่ง
วงเครื่องสายวงใหญ่ ประกอบด้วยเครื่องดนตรี ดังนี้
- ซอด้วง
- ซออู้
- จะเข้
- ขลุ่ยเพียงออ
- ขลุ่ยหลิบ
- โทน 1
- รำมะนา
- ฉิ่ง
- ฉาบเล็ก 1 คู่
วงปี่พาทย์
วงปี่พาทย์เครื่องห้า
เป็นวงปี่พาทย์ที่เป็นวงหลัก มีจำนวนเครื่องดนตรีน้อยชิ้นที่สุด ดังนี้
-ปี่ใน 1 เลา
-ระนาดเอก 1 ราง
-ฆ้องวงใหญ่ 1 วง
-กลองทัด 2 ลูก
-ตะโพน 1 ลูก
-ฉิ่ง 1 คู่
-ในบางกรณีอาจใช้ฉาบ กรับ โหม่งด้วย
-ปี่ใน 1 เลา
-ระนาดเอก 1 ราง
-ฆ้องวงใหญ่ 1 วง
-กลองทัด 2 ลูก
-ตะโพน 1 ลูก
-ฉิ่ง 1 คู่
-ในบางกรณีอาจใช้ฉาบ กรับ โหม่งด้วย
วงปี่พาทย์เครื่องคู่
เป็นวงปี่พาทย์ที่ประกอบด้วยเครื่องทำทำนองเป็นคู่เนื่องด้วยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีผู้คิดเครื่องดนตรีเพิ่มขึ้นอีก 2 อย่าง คือ ระนาดทุ้มกับฆ้องวงเล็ก และนำเอาปี่นอกซึ่งใช้ในการบรรเลงปี่พาทย์สำหรับการแสดงหนังใหญ่สมัยโบราณมารวมเข้ากับวงปี่พาทย์เครื่องห้าที่มีอยู่เดิม
วงปี่พาทย์เครื่องคู่มีเครื่องดนตรีดังนี้
-ปี่ 1 คู่ คือ ปี่ในและปี่นอก
-ระนาด 1 คู่ คือ ระนาดเอกและระนาดทุ้ม
-ฆ้องวง 1 คู่ คือ ฆ้องวงใหญ่และฆ้องวงเล็ก
-กลองทัด 1 คู่
-ตะโพน 1 ลูก
-ฉิ่ง 1 คู่
-ฉาบเล็ก 1 คู่
-ฉาบใหญ่ 1 คู่
-โหม่ง 1 ใบ
-กลองสองหน้า 1 ลูก (บางทีใช้กลองแขก 1 คู่ แทน)
-ในบางกรณีอาจใช้กรับด้วย
-ปี่ 1 คู่ คือ ปี่ในและปี่นอก
-ระนาด 1 คู่ คือ ระนาดเอกและระนาดทุ้ม
-ฆ้องวง 1 คู่ คือ ฆ้องวงใหญ่และฆ้องวงเล็ก
-กลองทัด 1 คู่
-ตะโพน 1 ลูก
-ฉิ่ง 1 คู่
-ฉาบเล็ก 1 คู่
-ฉาบใหญ่ 1 คู่
-โหม่ง 1 ใบ
-กลองสองหน้า 1 ลูก (บางทีใช้กลองแขก 1 คู่ แทน)
-ในบางกรณีอาจใช้กรับด้วย
วงปี่พาทย์เครื่องใหญ่
คือ วงปี่พาทย์เครื่องคู่ที่เพิ่มระนาดเอกเหล็กกับระนาด บางวงก็เพิ่มกลองทัด รวมเป็น 3 ใบบ้าง 4 ใบบ้าง ส่วนฉาบใหญ่นำมาใช้ในวงปี่พาทย์ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
วงปี่พาทย์ทั้งเครื่องห้า เครื่องคู่ และเครื่องใหญ่ ถ้ามีการบรรเลงเพลงภาษาจะใช้เครื่องดนตรีกำกับจังหวะของภาษานั้น ๆ ด้วย เช่น
- ภาษาเขมร ใช้ โทน
- ภาษาจีน ใช้ กลองจีน กลองต๊อก แต๋ว
- ภาษาฝรั่ง ใช้ กลองมริกัน (อเมริกัน) หรือกลองแตร็ก (side drum, snare drum)
- ภาษาพม่า ใช้ กลองยาว
- ภาษามอญ ใช้ ตะโพน เปิงมาง
วงปี่พาทย์ทั้งเครื่องห้า เครื่องคู่ และเครื่องใหญ่ ถ้ามีการบรรเลงเพลงภาษาจะใช้เครื่องดนตรีกำกับจังหวะของภาษานั้น ๆ ด้วย เช่น
- ภาษาเขมร ใช้ โทน
- ภาษาจีน ใช้ กลองจีน กลองต๊อก แต๋ว
- ภาษาฝรั่ง ใช้ กลองมริกัน (อเมริกัน) หรือกลองแตร็ก (side drum, snare drum)
- ภาษาพม่า ใช้ กลองยาว
- ภาษามอญ ใช้ ตะโพน เปิงมาง
วงปี่พาทย์นางหงส์
คือ วงปี่พาทย์ธรรมดาซึ่งใช้บรรเลงทั่วไป แต่เมื่อนำมาใช้ประโคมในงานศพ จะนำวงบัวลอยซึ่งประกอบด้วยปี่ชวา 1 เลา กลองมลายู 1 คู่ และเหม่ง 1 ใบ ที่ใช้ประโคมในงานศพเข้ามาผสม (ดู วงบัวลอย ประกอบ) โดยตัดปี่ใน ตะโพน และกลองทัด ออก ใช้ปี่ชวาแทนปี่ใน ใช้กลองมลายูแทนตะโพนและกลองทัด ส่วนเหม่งนั้นมีเสียงไม่เหมาะกับวงปี่พาทย์จึงไม่นำมาใช้ ใช้แต่โหม่งซึ่งมีอยู่เดิม เรียกว่า "วงปี่พาทย์นางหงส์"
วงปี่พาทย์นางหงส์ใช้บรรเลงเฉพาะในงานศพมาแต่โบราณก่อนวงปี่พาทย์มอญ สาเหตุที่เรียกว่าปี่พาทย์นางหงส์ ก็เพราะใช้เพลงเรื่องนางหงส์ 2 ชั้น เป็นหลักสำคัญในการบรรเลง นอกจากนี้ยังมีวิวัฒนาการไปใช้บรรเลงเพลงภาษาต่าง ๆ เรียกว่า "ออกภาษา" ด้วย
วงปี่พาทย์นางหงส์ใช้บรรเลงเฉพาะในงานศพมาแต่โบราณก่อนวงปี่พาทย์มอญ สาเหตุที่เรียกว่าปี่พาทย์นางหงส์ ก็เพราะใช้เพลงเรื่องนางหงส์ 2 ชั้น เป็นหลักสำคัญในการบรรเลง นอกจากนี้ยังมีวิวัฒนาการไปใช้บรรเลงเพลงภาษาต่าง ๆ เรียกว่า "ออกภาษา" ด้วย
วงปี่พาทย์มอญ
ประกอบด้วยเครื่องดนตรีที่ได้อิทธิพลมาจากมอญ เช่น ฆ้องมอญ ปี่มอญ ตะโพนมอญ และเปิงมางคอก ปัจจุบันวงปี่พาทย์มอญมี 3 ขนาด ได้แก่
1 วงปี่พาทย์มอญเครื่องห้า ประกอบด้วยปี่มอญ ระนาดเอก ฆ้องมอญ ตะโพนมอญ เปิงมางคอก และเครื่องกำกับจังหวะ ได้แก่ ฉิ่ง ฉาบ โหม่ง
2 วงปี่พาทย์มอญเครื่องคู่ มีลักษณะเดียวกับวงปี่พาทย์มอญเครื่องห้า แต่เพิ่มระนาดทุ้มและฆ้องมอญวงเล็ก
3 วงปี่พาทย์มอญเครื่องใหญ่ มีลักษณะเดียวกับวงปี่พาทย์มอญเครื่องคู่ แต่เพิ่ม ระนาดเอกเหล็กและระนาดทุ้มเหล็ก วงปี่พาทย์มอญนั้นที่จริงแล้วใช้บรรเลงในโอกาสต่าง ๆ ได้ทั้งงานมงคล เช่น งานฉลองพระแก้วมรกตในสมัยธนบุรี และงานอวมงคล เช่น งานศพ แต่ต่อมานิยมบรรเลงในงานศพ เนื่องจากท่วงทำนองเพลงมอญมีลีลาโศกเศร้า โหยหวน ซึ่งเหมาะกับบรรยากาศของงาน จนบางท่านนึกว่าปี่พาทย์มอญใช้บรรเลงเฉพาะในงานศพเท่านั้น
วงปี่พาทย์ไม้แข็ง
วงปี่พาทย์ไม้แข็งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วงปี่พาทย์เครื่องหนัก” วงปี่พาทย์จัดเป็นวงดนตรีที่ได้รับความนิยมแพร่หลายสูงสุดในกลุ่มวงปี่พาทย์ และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็นวงดนตรีที่มีความเป็นมาตรฐานที่สูงสุดอีกด้วย เครื่องดนตรีที่สังกัดในวงดนตรีประเภทนี้ทุกเครื่องจะมีเสียงดัง เนื่องจากบรรเลงด้วยไม้ตีชนิดแข็ง จึงเรียกชื่อวงดนตรีชนิดนี้ว่า ปี่พาทย์ไม้แข็ง ตามลักษณะของไม้ที่ใช้บรรเลงบรรเลง อรรถรสที่ได้จากการฟังดนตรีชนิดนี้จึงมีทั้งความหนักแน่น สง่าผ่าเผย คล่องแคล่ว และสนุกครึกครื้น จึงสามารถบรรเลงได้ในโอกาสทั่วๆไป เช่น งานพระราชพิธี งานบวชนาค งานโกนจุก เทศน์มหาชาติ ประกอบการแสดง โขน ละคร ลิเก หนังใหญ่ เป็นต้น
วงปี่พาทย์ไม้แข็งสามารถแบ่งตามขนาดของวง ได้เป็น ๓ ขนาด คือ
1.วงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องห้า
2.วงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องคู่
วงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องคู่ พัฒนามาจากวงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องห้าโดยการจัดเครื่องดนตรีให้เป็นคู่กัน จึงเรียกว่าวงปี่พาทย์เครื่องคู่ วงปี่พาทย์ชนิดนี้เกิดขึ้นในสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โดยมีการประดิษฐ์ระนาดทุ้มและฆ้องวงเล็กขึ้นเพื่อให้คู่กับระนาดเอกและฆ้องวงใหญ่
3.วงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องใหญ่
วงดนตรีประเภทนี้เกิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โดยเครื่องดนตรีประกอบด้วยเครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องคู่เป็นหลัก แต่มีการเพิ่มระนาดเอกเหล็กและระนาดทุ้มเหล็กขึ้นอีกอย่างละราง นับเป็นวงปี่พาทย์ไม้แข็งที่มีวิวัฒนาการสูงสุดในปัจจุบัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)